ประเภทของการยกหางตา
การยกหางตาสามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก ๆ ดังนี้:
- การยกหางตาแบบผ่าตัด:
- เป็นการผ่าตัดยกกระชับผิวหนังบริเวณหางตา และตัดหนังตาส่วนเกินออก
- ให้ผลลัพธ์ที่ชัดเจนและยาวนาน
- ต้องใช้เวลาพักฟื้นนานกว่า
- การผ่าตัดยกหางตาสามารถแบ่งออกเป็น 3 เทคนิคหลัก ๆ ดังนี้:
- การผ่าตัดยกหางตาแบบซ่อนแผลใต้คิ้ว (Sub-Brow Lift):
- เป็นการผ่าตัดยกกระชับผิวหนังบริเวณหางตา โดยซ่อนแผลไว้ใต้คิ้ว
- เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาหางตาตกเล็กน้อยถึงปานกลาง
- ให้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ
- การผ่าตัดยกหางตาแบบซ่อนแผลเหนือคิ้ว (Direct Brow Supra-Brow Lift):
- เป็นการผ่าตัดยกกระชับผิวหนังบริเวณหางตา โดยซ่อนแผลไว้เหนือคิ้ว
- เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาหางตาตกมาก
- ให้ผลลัพธ์ที่ชัดเจน
- การผ่าตัดยกหางตาแบบส่องกล้อง (Endoscopic Brow Lift):
- เป็นการผ่าตัดยกกระชับผิวหนังบริเวณหางตา โดยใช้กล้องส่อง
- เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาหางตาตกเล็กน้อยถึงปานกลาง
- มีแผลเล็ก และใช้เวลาพักฟื้นน้อยกว่า
- การยกหางตาแบบไม่ผ่าตัด:
- เป็นการยกกระชับผิวหนังบริเวณหางตา โดยไม่ต้องผ่าตัด
- ให้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ
- ใช้เวลาพักฟื้นน้อยกว่า
- ผลลัพธ์ไม่ถาวร
- การยกหางตาแบบไม่ผ่าตัดสามารถทำได้หลายวิธี ดังนี้:
- การร้อยไหมยกหางตา:
- เป็นการร้อยไหมละลายเข้าไปใต้ผิวหนัง เพื่อยกกระชับผิวหนังบริเวณหางตา
- เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาหางตาตกเล็กน้อยถึงปานกลาง
- ผลลัพธ์อยู่ได้นานประมาณ 1-2 ปี
- การฉีดโบท็อกซ์ยกหางตา:
- เป็นการฉีดโบท็อกซ์เข้าไปบริเวณกล้ามเนื้อรอบดวงตา เพื่อคลายกล้ามเนื้อและยกหางตาขึ้น
- เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาหางตาตกเล็กน้อย
- ผลลัพธ์อยู่ได้นานประมาณ 3-6 เดือน
- การฉีดฟิลเลอร์ยกหางตา:
- เป็นการฉีดฟิลเลอร์เข้าไปเติมเต็มบริเวณหางตา เพื่อยกหางตาขึ้น
- เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาหางตาตกเล็กน้อยถึงปานกลาง
- ผลลัพธ์อยู่ได้นานประมาณ 6-12 เดือน
- การยกหางตาด้วยเครื่องยกกระชับ:
- เป็นการใช้เครื่องยกกระชับ เช่น Ulthera หรือ Thermage เพื่อยกกระชับผิวหนังบริเวณหางตา
- เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาหางตาตกเล็กน้อยถึงปานกลาง
- ผลลัพธ์อยู่ได้นานประมาณ 1-2 ปี

การเลือกวิธียกหางตา
การเลือกวิธียกหางตาที่เหมาะสมขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง ดังนี้:
- ระดับความหย่อนคล้อยของหางตา:
- หากมีปัญหาหางตาตกมาก การผ่าตัดยกหางตาอาจเป็นทางเลือกที่ดีกว่า
- หากมีปัญหาหางตาตกเล็กน้อย การยกหางตาแบบไม่ผ่าตัดอาจเพียงพอ
- ความต้องการผลลัพธ์:
- หากต้องการผลลัพธ์ที่ชัดเจนและยาวนาน การผ่าตัดยกหางตาเป็นทางเลือกที่ดีกว่า
- หากต้องการผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติและใช้เวลาพักฟื้นน้อย การยกหางตาแบบไม่ผ่าตัดอาจเหมาะสมกว่า
- งบประมาณ:
- การผ่าตัดยกหางตามีค่าใช้จ่ายสูงกว่าการยกหางตาแบบไม่ผ่าตัด
- สภาพผิว:
- ผู้ที่มีผิวบอบบางอาจไม่เหมาะกับการผ่าตัดยกหางตา
ข้อดีและข้อเสียของการยกหางตาแต่ละแบบ
- การยกหางตาแบบผ่าตัด:
- ข้อดี: ให้ผลลัพธ์ที่ชัดเจนและยาวนาน
- ข้อเสีย: ต้องใช้เวลาพักฟื้นนานกว่า และมีค่าใช้จ่ายสูงกว่า
- การยกหางตาแบบไม่ผ่าตัด:
- ข้อดี: ให้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ ใช้เวลาพักฟื้นน้อยกว่า และมีค่าใช้จ่ายน้อยกว่า
- ข้อเสีย: ผลลัพธ์ไม่ถาวร
สรุป
การยกหางตามีหลายรูปแบบ แต่ละรูปแบบมีข้อดีและข้อเสียแตกต่างกันไป การเลือกวิธียกหางตาที่เหมาะสมขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง ควรปรึกษาแพทย์ผู้ชำนาญการ เพื่อขอคำแนะนำเกี่ยวกับวิธียกหางตาที่เหมาะสมกับคุณ
ช่องทางติดต่อ Double P Clinic
Website: https://doublepclinic.com/
Facebook: https://www.facebook.com/doublepclinic/
Line: @doublepclinic
เบอร์โทรศัพท์:
สาขากรุงเทพฯ: 02-060-1167, 091-773-9167, 094-965-6393
สาขาพิษณุโลก: 095-664-4246
#ยกหางตา #ศัลยกรรมยกหางตา #ตาตก #หนังตาหย่อนคล้อย #ริ้วรอยรอบดวงตา #ศัลยกรรมตา #ความงาม #ศัลยกรรม